วิธีส่งของไปต่างประเทศ มีขั้นตอนยังไงบ้าง?

Last updated: 11 เม.ย 2568  |  25 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เดินทางต่างประเทศ

1) เช็กกฎของประเทศปลายทาง

สิ่งแรกที่คุณควรเริ่มหาข้อมูลก่อนเลยคือเรื่องกฎระเบียบของประเทศปลายทาง โดยแหล่งข้อมูลที่ง่ายที่สุดเลยคือ เว็บศุลกากรของประเทศปลายทางนั่นเอง และข้อมูลที่คุณจะต้องตรวจสอบหลัก ๆ ก็คือ

  • สิ่งของต้องห้าม
    แต่ละประเทศล้วนมีรายการสิ่งของต้องห้ามในการส่งเข้าประเทศ หรือข้อจำกัดต่าง ๆ ในการนำเข้าสินค้าที่แตกต่างกันไป คุณจึงควรเช็คให้ดีล่วงหน้าก่อนจะเริ่มแพ็คพัสดุว่าอะไรที่ส่งได้ อะไรที่ห้ามส่ง เพื่อเลี่ยงการโดนยึดสินค้า
  • การคำนวณภาษีและอากร
    ในการส่งของไปบางประเทศ ผู้รับของอาจต้องจ่ายภาษีนำเข้าหรือค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เพิ่มเติม คุณจึงควรหาข้อมูลอัตราภาษีเหล่านี้ไว้ล่วงหน้า เพื่อช่วยให้คำนวณค่าใช้จ่ายได้และสามารถแจ้งให้ผู้รับทราบไว้ก่อน จะได้ไม่เกิดปัญหาตอนรับของ


2) เลือกวิธีส่งของไปต่างประเทศ

วิธีส่งของไปต่างประเทศ มีหลายวิธีให้เลือกตามความเหมาะสม ซึ่งอาจพิจารณาดูจากประเภทสินค้าที่ต้องการจะส่ง ระยะเวลา และงบประมาณที่ต้องจ่าย โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก คือ การส่งทางอากาศ ทางทะเลและทางบก

  • การส่งทางอากาศ
    อยากส่งไว ส่งเร็ว ต้องเลือกวิธีนี้ เพราะสามารถส่งของไปต่างประเทศได้รวดเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็น  เอกสารสำคัญ อาหาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือสินค้าที่มีมูลค่าสูง โดยเลือกใช้บริการจากสายการบินพาณิชย์ หรือบริษัทขนส่งด่วนระหว่างประเทศได้เลย แม้ว่าค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าวิธีอื่น ๆ แต่ก็คุ้มค่าสำหรับสินค้าที่ต้องการถึงมือผู้รับอย่างรวดเร็ว
  • การส่งทางทะเล 
    เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับการส่งสินค้าขนาดใหญ่หรือสินค้ามีน้ำหนักมาก เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องยนต์ต่าง ๆ แต่จะต้องใช้เวลานานกว่าการส่งทางอากาศอยู่มาก โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 15-60 วัน ขึ้นอยู่กับประเทศปลายทาง ซึ่งข้อดีก็คือมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่านั่นเอง
  • การส่งทางบก 
    เป็นวิธีส่งของไปต่างประเทศที่มีปลายทางอยู่ใกล้กัน หรือมีพรมแดนติดกัน เช่น ไทยไปลาว กัมพูชา มาเลเซีย ซึ่งผู้ส่งสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ขนส่งด้วยรถบรรทุกหรือรถไฟ แน่นอนว่าวิธีนี้มีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการส่งของทางอื่น และส่งสินค้าในปริมาณมากได้ด้วย


3) เลือกบริษัทขนส่งที่ใช่

ในปัจจุบัน วิธีส่งของไปต่างประเทศ สามารถทำได้ง่ายขึ้น เพราะมีผู้ให้บริการขนส่งที่เยอะขึ้น ทำให้เรามีตัวเลือกที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละเจ้าก็มีจุดเด่นต่างกัน คุณควรเลือกจากจุดเด่นที่ตรงใจคุณที่สุด ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบการขนส่งที่แต่ละเจ้าเปิดให้บริการ ระยะเวลาการส่งพัสดุที่รวดเร็ว ราคาประหยัด หรือบางเจ้าจะมีระบบการติดตามพัสดุที่ครอบคลุมทุกขั้นตอน ก็เลือกที่เหมาะสมกับความต้องการได้เลย

ตัวอย่างผู้ให้บริการส่งของไปต่างประเทศในไทย

  • ไปรษณีย์ไทย (Thailand Post)
    ผู้ให้บริการของไทยที่มีเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศและทั่วโลก เริ่มต้นในราคาประหยัด มีทั้งรูปแบบปกติและด่วนพิเศษให้เลือกใช้บริการ เหมาะกับการส่งพัสดุที่มีน้ำหนักไม่มาก
  • DHL Express
    เจ้านี้มีจุดเด่นคือการส่งของไวแบบด่วนพิเศษ ที่ทั้งรวดเร็วและครอบคลุมกว่า 220 ประเทศทั่วโลก พร้อมทั้งมีระบบติดตามพัสดุที่ให้เราตรวจสอบสถานะได้ตลอดเวลา
  • FedEx Express
    ราคาอาจจะไม่ประหยัดเท่าคนอื่น แต่ FedEx เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการส่งของไปยังประเทศแถบอเมริกา และของที่มีขนาดใหญ่ ที่รับรองคุณภาพและเชื่อถือได้


4)  แพ็คของให้ดีและแน่นหนา

เพราะการส่งของไปต่างประเทศแต่ละครั้ง สินค้าจะต้องผ่านการขนส่งที่ยาวนานและไม่อาจรู้ได้ว่ากล่องพัสดุของเราจะต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมแบบไหน การแพ็คสินค้าให้ดีและแน่นหนาจึงเป็นขั้นตอนการส่งของไปต่างประเทศที่สำคัญที่จะป้องกันความเสียหายให้กับสินค้าภายในได้ และทำให้สินค้าถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัยที่สุด

โดยเราแนะนำให้ใช้กล่องกระดาษลูกฟูกที่มีความหนาและแข็งแรงกว่าปกติ หรือหากเป็นสินค้าที่มีน้ำหนักมาก อาจใช้เป็นลังไม้ได้ เติมช่องว่างภายในกล่องด้วยวัสดุกันกระแทก เพื่อให้สินค้าอยู่กับที่ ใช้เทปกาวหรือเทปผ้าปิดให้แน่นหนา และอย่าลืมที่จะติดฉลากให้เห็นได้ง่ายและอ่านออกอย่างชัดเจน


5) กรอกเอกสารสำคัญให้ครบ

วิธีส่งของไปต่างประเทศ แต่ละประเภทก็จะต้องใช้เอกสารที่แตกต่างกันไป แต่จะมีเอกสารสำคัญที่คุณจะต้องเตรียมไว้ ตัวอย่างเช่น

  • ใบศุลกากร - เอกสารที่ระบุรายละเอียดของสินค้าที่ส่งออก เช่น ประเภท จำนวน มูลค่า และประเทศต้นกำเนิดสินค้า เพื่อแจ้งแก่ศุลกากรของประเทศปลายทางนั้น ๆ เพื่อประเมินภาษีและอากร
  • ใบกำกับสินค้า - เอกสารที่แสดงรายละเอียดการซื้อขายสินค้า เช่น ชื่อผู้ซื้อ ผู้ขาย รายละเอียดสินค้า ราคา และเงื่อนไขการชำระเงิน เพื่อเป็นหลักฐานในการทำธุรกรรมและการประเมินราคาศุลกากร
  • ใบรายการบรรจุภัณฑ์ - เอกสารที่แสดงรายละเอียดการบรรจุสินค้า เช่น สินค้าภายใน จำนวนชิ้นของสินค้า น้ำหนัก และขนาด จะใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของสินค้า
  • ใบอนุญาตนำเข้า-ส่งออก - สำหรับสินค้าเฉพาะทางที่ต้องมีใบอนุญาต เช่น อาหาร ยา หรือของที่มีลิขสิทธิ์


อ่านบทความจบแล้ว หลายคนคงเข้าใจในกระบวนการขนส่งมากขึ้น แต่คงมีอีกไม่น้อยที่รู้สึกว่าวิธีส่งของไปต่างประเทศ นั้นยากและรายละเอียดเยอะ ซึ่งคุณสามารถติดต่อสอบถามกับทางผู้ให้บริการขนส่งที่คุณไว้ใจและเลือกใช้บริการได้เลย เท่านี้การส่งของไปต่างประเทศก็ทำได้ไม่ยากและของถึงมือผู้รับแบบไร้กังวลแล้ว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้